สารละลายบัฟเฟอร์

สารละลายบัฟเฟอร์
สารละลายบัฟเฟอร์ (Buffer solution)
            สารละลายบัฟเฟอร์  หมายถึง  สารละลายที่มีความสามารถในการควบคุมระดับ pH เอาไว้ได้  เมื่อเติมสารละลายกรดหรือเบสจำนวนที่ไม่มากเกินไป  เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำบริสุทธิ์ที่เติมกรดหรือเบสจำนวนเท่ากัน  สารละลายที่มีสมบัติเป็นสารละลายบัฟเฟอร์จะควบคุมระดับ  pH  เอาไว้ได้ดีกว่าน้ำกลั่น  สารละลายบัฟเฟอร์เกิดจากการผสมระหว่างสารละลายกรดอ่อนกับเกลือของกรดอ่อนนั้น  หรือสารละลายเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อนนั้น  แม้ว่าสารละลายบัฟเฟอร์จะควบคุมระดับ  pH  เอาไว้ได้ดีกว่าน้ำกลั่น  แต่ถ้าเติมกรดหรือเบสมากเกินไป  สารละลายบัฟเฟอร์ก็จะไม่สามารถควบคุมระดับ  pH  เอาไว้ได้ตลอด
ในที่สุดจะเสียสมบัติในการเป็นสารละลายบัฟเฟอร์ไป  เราเรียกความสามารถในการควบคุมระดับ  pH ของสารละลายบัฟเฟอร์ว่า  buffer capacity
 สารละลายบัฟเฟอร์มี 2 ประเภท
         1)  บัฟเฟอร์กรด   (Acid buffer solution)      เกิดจากสารละลายของกรดอ่อนผสมกับสารละลายเกลือของกรดอ่อนชนิดนั้น  สารละลายบัฟเฟอร์ประเภทนี้มี   pH < 7    เช่น
              CH3COOH (กรดอ่อน)  +  CH3COONa (เกลือของกรดอ่อน)
              HCN (กรดอ่อน)   +  KCN (เกลือของกรดอ่อน)
              H2S(กรดอ่อน)    +  Na2S  (เกลือของกรดอ่อน)
              H2CO3(กรดอ่อน)    +  NaHCO3 (เกลือของกรดอ่อน)
         2)  บัฟเฟอร์เบส  (Basic buffer solution)  เกิดจากสารละลายของเบสอ่อนผสมกับสารละลายเกลือของเบสอ่อนนั้น  สารละลายบัฟเฟอร์แบบนี้ มี pH  >  7    เช่น
              NH3 (เบสอ่อน)  +  NH4Cl (เกลือของเบสอ่อน)
              NH3 (เบสอ่อน)    +  NH4NO(เกลือของเบสอ่อน)
              Fe(OH)2 (เบสอ่อน)    +  FeCl(เกลือของเบสอ่อน)
              Fe(OH)3 (เบสอ่อน)    +  FeCl3 (เกลือของเบสอ่อน)
 วิธีเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์
              1.  เตรียมโดยตรงจากการผสมสารละลายของกรดอ่อนกับสารละลายเกลือของกรดอ่อนนั้น  หรือผสมสารละลายของเบสอ่อนกับสารละลายเกลือของเบสอ่อนนั้น  ดังรูป
 
          2.  เตรียมจากปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส
               2.1  บัฟเฟอร์กรด  เตรียมโดยใช้สารละลสยของกรดอ่อนที่มากเกินพอ ทำปฏิกิริยากับเบส (แก่หรืออ่อนก็ได้  แต่ต้องมีจำนวนน้อยกว่ากรดอ่อนจนถูกใช้หมด)  เช่น 
                                                                                    HF(aq)        +       NaOH(aq)    ↔    NaF(aq)  +  H2O(l) 
                                                                            (กรดอ่อนมากเกินพอ)       (หมด)       (เกลือของกรดอ่อนที่เกิดขึ้น)
                                                                                   (มีเหลือ)
                 ถ้าใช้ HF มากเกินพอจะมี  HF  เหลืออยู่  เมื่อเกิดปฏิกิริยาจนสมบูรณ์แล้ว  NaOH  จะหมดไป  ในระบบจะเป็นสารละลายผสมระหว่างHF  ส่วนที่เหลือ  กับ NaF  ที่เกิดขึ้น  
          จึงเป็นบัฟเฟอร์กรด  (กรดอ่อน+เกลือของกรดอ่อนนั้น)  ดังรูป

 

                        2.2   บัฟเฟอร์เบส  เตรียมโดยใช้สารละลายเบสอ่อนที่มากเกินพอ  ทำปฎิกิริยากับสารละลายกรดกรด  (แก่หรืออ่อนก็ได้  แต่ต้องมีจำนวนน้อยกว่าเบสอ่อนจนถูกใช้หมด)  เช่น
                                                                                         HCl(aq)  +   NH4OH(aq)   →   NH4Cl(aq)  +    H2O(l)  
                                                                                        (หมด)       (มากเกินพอ)           (เกิดขึ้น)
                                                                                                           มีเหลือ
       เมื่อเกิดปฏิกิริยาสมบูรณ์แล้ว  HCl  จะหมดไปแต่ NH4OH ยังมีเหลือ ฉะนั้นในระบบจะเป็นสารละลายผสมระหว่าง NH4OH  สว่นที่เหลือ กับ  NH4Cl ที่เกิดขึ้น จึงเป็นสารละลายบัฟเฟอร์เบส  (เบสอ่อน + เกลือของเบสอ่อนนั้น)
 การควบคุมค่า pH  ของสารละลายบัฟเฟอร์ 
                ส่วนประกอบของสารละลายบัฟเฟอร์ จะแตกต่างจากสารละลายของกรดอ่อนหรือเบสอ่อน   คือ  ในสารละลายกรดอ่อนจะมีอนุภาคของกรดอ่อนละลายอยู่มาก  แต่อนุภาคของคู่เบสมีน้อย  เช่น   

                แต่เมื่อผสมสารละลายเกลือของ  CH3COOH  เช่น  CH3COONa  ซึ่งเป็นสารไอออนิกที่ละลายน้ำได้ดี  แตกตัวเป็นไอออนได้ทั้งหมด  จึงมี  CH3COO-  อยู่เป็นจำนวนมาก  ดังนี้


                เมื่อนำมาผสมกันจะมีสมบัติเป็นสารละลายบัฟเฟอร์  ให้สังเกตว่าในสารละลายจะมีกรดอ่อนและคูเบสของกรดอ่อนเป็นจำนวนมากทั้งคู่  ดังสมการ


             การที่ในสารละลายมี กรดอ่อนและคู่เบสของกรดอ่อนนั้นอยู่เป็นจำนวนมาก  ทำให้สามารถควบคุมระดับความเป็นกรด-เบสของสารละลายเอาไว้ได้จึงมีสมบัติเป็นสารละลายบัฟเฟอร์  เพราะ  ...
                -  เมื่อเติมกรด (H+) กรดหรือ  H+  ที่เติมลงไปก็จะรวมตัวกับ  CH3COO-  เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับเปลี่ยนให้อยู่ในรูป  CH3COOH ได้เกือบทั้งหมด  ทำให้ความเข้มข้น  H+  เพิ่มขึ้นน้อยกว่า
       จำนวนที่เติมลงไปจริง  pH  จึงแปลี่ยนแปลงน้อยกว่าปริมาณของ H+  ที่เติมลงไปจริง 
                                                                                   (คลิ้ก  ฃมการควบคุม  pH  ของสารละลายบัฟเฟอร์กรด)
                -   เมื่อเติมเบส (OH-) เบสหรือ  OH-  ที่เติมลงไปก็จะรวมตัวกับ  H+  เปลี่ยนให้มาอยู่ในรูป  H2O ทำให้  H+  ลดลงในตอนแรก  แต่ในเวลาเดียวกัน  CH3COOH  ซึ่งมีอยู่มาก
       (สังเกตทางซ้ายของสมการ)ก็จะเกิดการแตกตัวให้ H+ มาทดแทนได้เกือบทั้งหมด  ทำให้ปริมาณของ H+ จึงลดลงน้อยกว่าปริมาณของ OH-  ที่เติม  pH  จึงเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าปริมาณของ OH- 
       ที่เติมลงไปจริง  
                สำหรับสารละลายบัฟเฟอร์เบสก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกัน  คือเบสอ่อนแตกตัวได้น้อย  เช่น  การละลายของ  NH4OH  ดังสมการ  ;  
         แต่สำหรับเกลือของเบสชนิดนี้  เช่น  NH4Cl  จะละลายน้ำได้ดี  ดังสมการ

    เมื่อผสมสารละลายของเบสอ่อนกับสารละลายเกลือของเบสอ่อนเข้าด้วยกัน  ในสารละลายที่ได้จากการผสมก็จะมีมากทั้งตัวของเบสอ่อนลัคู่กรดของมัน  จึงมีสมบัติเป็นสารละลายบัฟเฟอร์  ดังสมการ   
              


                                                                                       (คลิ้ก  ชมการควบคุม  pH  ของสารละลายบัฟเฟอร์เบส)
                                                                          (คลิ้ก  ชมการควบคุม  pH  ของสารละลายบัฟเฟอร์กรดเมื่อเติมเบสหรือเบส)

     การหา
 pH ของสารละลายบัฟเฟอร์                1.  สารละลายบัฟเฟอร์กรดหา pH จากสมการ

     ตัวอย่าง สารละลายบัฟเฟอร์ประกอบด้วย สารละลายกรดอะซิติกกับสารละลายโซเดียมอะซิเตต  ซึ่งเข้มข้น 0.1 โมล/ลิตรเท่ากันและมีปริมาตร  100  cm3 เท่ากันด้วย  ถ้า  Ka  ของกรดอะซิติกเท่ากับ  
                  1.8 x  10-5  จงหา pH ของสารละลายบัปเฟอร์นี้

     วิธีทำ    

  


                                        =  -log 1.8 x 10-5 + log (0.1 / 0.1 )
                                        =   5 – log 1.8 + log 1
                                        =   5 – 0.26
                                        =   4.24
            2. สารละลายบัฟเฟอร์เบส  หา pH ได้ดังนี้


จากนั้นจึงหา  pH  จากสมการ
                                pH    =  14 – pOH
     ตัวอย่าง   สารละลายบัฟเฟอร์ที่เกิดจากผสมสารละลายเบสอ่อน  NH4OH  และเกลือ NH4Cl  ซึ่งมีความเข้มข้น  0.1  โมล/ลิตรเท่ากัน และมีปริมาตร 100cm3  เท่ากันด้วย  ถ้า  Kb ของ NH4OH 
                   เท่ากับ  1.8 x  10-5   สารละลายบัฟเฟอร์นี้มี pH เท่าไร


                                                = - log  1.8 x 10-5 +  log (0.1 / 0.1 )
                                                =  5 – log 1.8  +log 1
                                                =  5 – 0.26
                                                =  4.74
                                pH          =   14 – pOH
                                                =   14 – 4.74
                                                =  9.26
     การเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์                สารละลายบัฟเฟอร์เป็นสารละลายที่มีราคาแพง  ใช้ในงานเฉพาะแต่ละด้าน  เช่น  ในการปรับเพื่อตั้งค่าให้ถูกต้องของเครื่องมือวิทยาศาสตร์บางชนิด    สารละลายบัฟเฟอร์สำหรับการตั้งค่า 
     pH  meter  ราคา  690  บาท / 500  ml


                สารละลายบัฟเฟอร์จะมีค่า  pH  ต่าง ๆ กัน  การเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์ให้มี  pH  ตามที่ต้องการให้ดูจากค่า  pKa  ของกรดอ่อน  เช่น  ถ้ากรดอ่น  HA  มีค่า  Ka = 1.0 x 10-6  ค่า  pKa  =  6           กรดอ่อนชนิดนี้จะเหมาะสำหรับเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์ที่มี  pH=6 


      จากสมการจะเห็นว่า [salt]  และ [acid] จะมีผลต่อ  pH  ของสารละลายบัฟเฟอร์  แต่พบว่าถ้า  [salt] = [acid] สารละลายบัฟเฟอร์จะมีคุณภาพดีที่สุด
                ถ้า [salt] = [acid] ;               
                                                              =  -log  1.0 x 10-6 + log 1
                                                              =   6
    ถ้า  [salt] = 2เท่าของ [acid] ;              
                                                                                =  -log  1.0 x 10-6 + log 2
                                                                                =   6.3
   ถ้า  [acid] = 2เท่าของ[salt];                
                                                             =  -log  1.0 x 10-6 + log 0.5
                                                             =   6 - 0.3
                                                             =  5.7

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น